เลือกไม้แบบอย่างไรให้เหมาะกับงานก่อสร้างของคุณ
การเลือกไม้แบบให้เหมาะกับงานก่อสร้าง ถือเป็นจุดเล็ก ๆ ที่ส่งผลใหญ่ต่อคุณภาพงาน ความเร็วในการทำงาน และต้นทุนในระยะยาว โดยเฉพาะในยุคที่ “ไม้แบบพลาสติก” กำลังเข้ามาแทนไม้แบบไม้อัด เพราะมีความคุ้มค่า ใช้งานซ้ำได้หลายรอบ และทนทานต่อสภาพแวดล้อมมากกว่า
บทความนี้จะพาคุณไปดูว่า “จะเลือกไม้แบบอย่างไรให้เหมาะกับงานก่อสร้างของคุณ” พร้อมเคล็ดลับเลือกไม้แบบพลาสติกให้คุ้มที่สุด 👷♂️
- 1. เข้าใจก่อนว่า “ไม้แบบ” มีหน้าที่อะไร
ไม้แบบ (Formwork) คือ วัสดุที่ใช้เป็น “แบบหล่อคอนกรีต” ชั่วคราว เพื่อให้คอนกรีตอยู่ในรูปทรงตามที่ต้องการ เช่น เสา คาน ผนัง หรือพื้น ก่อนที่คอนกรีตจะแข็งตัว ดังนั้นไม้แบบที่ดีควรมีคุณสมบัติ 3 ข้อหลักคือ แข็งแรง ไม่บิดงอ รับน้ำหนักได้ดี ถอด-ประกอบง่าย ประหยัดเวลา ใช้งานซ้ำได้หลายครั้ง เพื่อลดต้นทุน
- 2. ไม้แบบไม้อัด vs ไม้แบบพลาสติก — ต่างกันอย่างไร?

จะเห็นว่า “ไม้แบบพลาสติก” มีข้อได้เปรียบในเรื่องอายุการใช้งาน ความทนทาน และคุณภาพผิวคอนกรีตที่ได้ เหมาะสำหรับผู้รับเหมาและโครงการที่ต้องการลดต้นทุนระยะยาว
- 3. เลือกไม้แบบพลาสติกให้เหมาะกับ “ประเภทงาน”
การเลือกไม้แบบพลาสติกไม่ได้มีแค่เรื่องขนาด แต่ควรพิจารณาตาม “ลักษณะงาน” ที่ต้องทำ เช่น
🧩 งานเสา / คาน
ควรเลือกไม้แบบที่มี ความหนา 15–25 มม. เพื่อรับแรงดันคอนกรีตได้ดี ใช้ขนาด 20 × 200 ซม. หรือ 25 × 300 ซม. เป็นขนาดยอดนิยม ตรวจสอบระบบล็อกและการต่อไม้ให้แน่น เพื่อให้ได้ผิวเสาเรียบ
🧱 งานพื้น / ผนัง
ใช้ไม้แบบแผ่นใหญ่เพื่อลดรอยต่อ เช่น ขนาด 100 × 200 ซม. ไม้แบบพลาสติกมีความเรียบในตัว จึงช่วยลดเวลาฉาบ ถ้างานแนวตั้งมาก ให้เลือกแผ่นหนาขึ้นเล็กน้อยเพื่อความมั่นคง
🏗️ งานหล่อพิเศษ หรือโครงสร้างขนาดใหญ่
อาจต้องใช้ ขนาดพิเศษตามแบบวิศวกร เพื่อให้เหมาะกับแรงดันคอนกรีต ผู้ผลิตไม้แบบพลาสติกบางรายสามารถ “สั่งผลิตตามขนาดเฉพาะ” ได้
- 4. ตรวจสอบคุณภาพก่อนเลือกซื้อหรือเช่า
ก่อนเลือกไม้แบบพลาสติก ไม่ว่าจะซื้อหรือเช่า ควรตรวจสอบรายละเอียดเหล่านี้ให้ครบถ้วน
✅ วัสดุเกรดพลาสติก
– ควรเป็นพลาสติกรีไซเคิลเกรดอุตสาหกรรม (เช่น PP หรือ PE ชนิดแข็ง) ที่รับแรงอัดได้ดี
✅ ความหนาแน่นและโครงเสริมภายใน
– ไม้แบบบางเกินไปอาจแอ่นหรือบิดได้เมื่อรับแรงดัน
– เลือกแบบที่มีโครงเสริม หรือรีบประกันการรับน้ำหนัก
✅ การรับประกันจำนวนรอบใช้งาน
– ผู้ขายหรือผู้ให้เช่าที่เชื่อถือได้จะระบุชัดเจนว่าใช้ได้กี่รอบ และมีเงื่อนไขอย่างไร
✅ ระบบเชื่อมต่อ / ล็อก
– ถ้าเป็นไม้แบบระบบ จะมีข้อต่อและล็อกมาตรฐาน ทำให้งานประกอบง่ายขึ้นมาก
- 5. เคล็ดลับใช้งานให้คุ้ม
แม้ไม้แบบพลาสติกจะทนทาน แต่ถ้าใช้งานไม่ถูกวิธี ก็ทำให้เสื่อมเร็วได้ นี่คือเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่างมืออาชีพใช้กัน
🔸 ทำความสะอาดหลังใช้งานทุกครั้ง
– ใช้น้ำล้างคอนกรีตที่ติดค้างออก ไม่ควรใช้ของมีคมขูด
🔸 เก็บในที่ร่ม ไม่โดนแดดจัดตลอดเวลา
– แม้พลาสติกจะทน แต่การโดนแดดแรงตลอดปีจะทำให้อายุสั้นลง
🔸 หลีกเลี่ยงการวางซ้อนสูงเกินไป
– อาจทำให้แผ่นด้านล่างแอ่นหรือแตกร้าว
🔸 ตรวจเช็กข้อต่อและน็อตล็อกก่อนทุกครั้ง
– เพื่อป้องกันการรั่วหรือบิดระหว่างหล่อคอนกรีต
- 6. เลือกซื้อหรือเช่าจากผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้
ในตลาดปัจจุบันมีไม้แบบพลาสติกหลายเกรด หลายโรงงาน การเลือกแหล่งซื้อหรือเช่าที่มีมาตรฐาน จะช่วยลดความเสี่ยงจากสินค้าคุณภาพต่ำ
ดูจาก: รีวิวจากผู้รับเหมาเจ้าอื่น อายุการใช้งานจริงเทียบกับที่โฆษณา การรับประกันสินค้าและบริการหลังการขาย ถ้าคุณเป็นผู้รับเหมาที่ต้องใช้ไม้แบบบ่อย การ ซื้อเก็บไว้เอง จะคุ้มค่ามากในระยะยาว แต่ถ้าทำโครงการระยะสั้น การ เช่าจากร้านที่มีบริการครบวงจร ก็ประหยัดและสะดวกกว่า
- 7. สรุป: เลือกให้เหมาะ งานเดินไว ประหยัดจริง
การเลือกไม้แบบให้เหมาะกับงาน คือการวางแผนลดต้นทุนตั้งแต่ต้นไม้แบบพลาสติกถือเป็นทางเลือกยุคใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งความแข็งแรง อายุการใช้งาน และความคุ้มค่า เพียงคุณเลือกขนาดให้ถูก ตรวจสอบคุณภาพ และดูแลตามขั้นตอนง่าย ๆ ไม้แบบพลาสติกจะอยู่กับคุณได้ หลายโครงการ และช่วยให้ งานจบไว ผิวเรียบ ลดค่าแรงซ่อมฉาบ ได้อย่างเห็นผล