งานโครงการใหญ่ ต้องใช้ไม้แบบพลาสติก ไซต์หรือขนาดพิเศษไหม?
งานโครงการใหญ่ ต้องใช้ไซต์หรือขนาดพิเศษไหม? ในการก่อสร้างโครงการใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น คอนโด อาคารสูง สะพาน หรือโรงงานอุตสาหกรรม เรื่องที่ผู้รับเหมาหลายคนให้ความสำคัญคือ “การเลือกไม้แบบสำหรับหล่อคอนกรีต” เพราะมีผลโดยตรงต่อความแข็งแรง คุณภาพ และความรวดเร็วของงาน หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ โครงการใหญ่ต้องใช้ไซต์หรือขนาดพิเศษไหม? หรือว่าไม้แบบพลาสติกมาตรฐานก็เพียงพอแล้ว
บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัย พร้อมแนะนำแนวทางเลือกไม้แบบให้เหมาะกับงานก่อสร้างขนาดใหญ่ ทำไม “ขนาดไม้แบบ” ถึงสำคัญในงานโครงการใหญ่?
หลายคนอาจมองว่าไม้แบบพลาสติกขนาดไหนก็ใช้งานได้เหมือนกัน แต่ในความจริงแล้ว ขนาดและรูปแบบไม้แบบ ส่งผลหลายด้าน ได้แก่
ความแข็งแรงและความปลอดภัย
ขนาดไม้แบบที่เหมาะสมช่วยให้รับแรงกดจากคอนกรีตได้อย่างมั่นคง ไม่เกิดการโก่งงอหรือแตกร้าว
คุณภาพผิวคอนกรีต
ขนาดที่เหมาะสมช่วยลดรอยต่อของไม้แบบ ทำให้ผิวคอนกรีตเรียบสวย ไม่ต้องเสียเวลาซ่อมเก็บงานมาก
ต้นทุนและระยะเวลา
หากเลือกไม้แบบที่เหมาะสมแล้ว จะช่วยลดจำนวนครั้งการต่อไม้แบบ ลดค่าแรงงาน และประหยัดเวลาในไซต์งาน
ไม้แบบพลาสติกมาตรฐาน ใช้กับโครงการใหญ่ได้หรือไม่?
คำตอบคือ ได้แน่นอน เพราะไม้แบบพลาสติกมาตรฐาน (เช่น 15, 20, 25, 30, 35, 42, 52 และ 62 ซม.) ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้หลากหลาย ตั้งแต่บ้านเดี่ยวจนถึงอาคารสูง
รับแรงดันคอนกรีตได้ดี ไม่แตกหักง่าย น้ำหนักไม่มากเกินไป เคลื่อนย้ายสะดวก
ใช้งานซ้ำได้หลายรอบ คุ้มค่า ใช้งานได้ดีกว่าการใช้ไม้อัด คุ้มค่า ปล่อยเช่าซ้ำได้หลายรอบ ลดต้นทุนซ่อมบำรุง และใช้งานได้นานกว่าไม้แบบไม้อัด
ดังนั้น ในหลายกรณีการก่อสร้างขนาดใหญ่ก็ยังสามารถใช้ไม้แบบมาตรฐานได้ โดยไม่มีปัญหา
กรณีที่อาจต้องใช้ “ขนาดพิเศษ” แม้ว่าไม้แบบมาตรฐานจะครอบคลุมงานส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางกรณีที่ผู้รับเหมาอาจพิจารณาสั่งทำขนาดพิเศษ เช่น
งานเสาและคานขนาดใหญ่ หากต้องหล่อเสาหรือคานที่มีหน้าตัดกว้างมาก ไม้แบบขนาดพิเศษจะช่วยรองรับได้ดีขึ้น
งานหล่อคอนกรีตขนาดพิเศษ เช่น ฐานรากขนาดใหญ่ แท่นเครื่องจักร หรือโครงสร้างสะพาน
โครงการที่ต้องการลดรอยต่อและเพิ่มความเร็ว
ไม้แบบยาวพิเศษช่วยให้ประกอบน้อยลง ลดรอยต่อคอนกรีต ทำให้งานเรียบเนียนและรวดเร็ว
ทางเลือกสำหรับผู้รับเหมา
ไม้แบบมาตรฐาน
– ราคาเข้าถึงง่าย
– มีหลายขนาดให้เลือก
– ใช้งานซ้ำได้หลายรอบ
– เหมาะกับงานทั่วไปและโครงการใหญ่ส่วนมาก
– อาจต้องประกอบหลายชิ้นเมื่องานมีขนาดใหญ่พิเศษ
ไม้แบบขนาดพิเศษ
– เหมาะกับงานเฉพาะ เช่น ฐานรากขนาดใหญ่ เสาขนาดใหญ่
– ประหยัดเวลาในการติดตั้ง
– ต้นทุนเริ่มต้นสูงกว่า
– อาจไม่คุ้มถ้าใช้แค่โครงการเดียว
เคล็ดลับการเลือกให้คุ้มค่า
วิเคราะห์ลักษณะงานก่อนเสมอ
ถ้าเป็นงานโครงสร้างทั่วไป เช่น เสา คาน พื้น → ใช้ไม้แบบมาตรฐานก็เพียงพอ
ถ้าเป็นงานชิ้นใหญ่พิเศษหรือโครงการที่ต้องการความรวดเร็ว → พิจารณาขนาดพิเศษ
คิดถึงต้นทุนต่อรอบการใช้งาน ไม้แบบพลาสติกมาตรฐานมักคุ้มค่ากว่า เพราะหมุนเวียนได้หลายโครงการ
ผสมผสานให้เหมาะสม ใช้ขนาดมาตรฐานเป็นหลัก และสั่งพิเศษเฉพาะจุดที่จำเป็น จะช่วยประหยัดงบและได้คุณภาพงานที่ต้องการ
สรุป
งานโครงการใหญ่ ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้แบบขนาดพิเศษเสมอไป เพราะไม้แบบพลาสติกมาตรฐานก็ถูกออกแบบมาให้แข็งแรงและใช้งานได้หลากหลาย แต่ถ้างานมีความเฉพาะเจาะจง เช่น ฐานรากขนาดใหญ่ เสาโครงสร้างพิเศษ หรือผู้รับเหมาต้องการลดเวลาประกอบไม้แบบ การเลือกใช้ขนาดพิเศษก็ช่วยเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพได้
ดังนั้น แนวทางที่เหมาะสมที่สุดคือ ใช้ไม้แบบมาตรฐานเป็นหลัก และเลือก ขนาดพิเศษเฉพาะจุดที่จำเป็น เพื่อให้ได้ทั้งความคุ้มค่า คุณภาพงาน และการคืนทุนที่รวดเร็ว